“อาหารแช่แข็งเชิงพาณิชย์: เน้นลดเวลาในการปรุงอาหาร”

ผลการสำรวจของ Nichirei Foods คาดการณ์ว่า ตลาดอาหารสำเร็จรูปและร้านอาหาร (ไม่รวมร้านสะดวกซื้อ) ในปี 2567 จะมีมูลค่า 33.8 ล้านล้านเยน (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 8.45 ล้านล้านบาท) ซึ่งจะมีการขยายตัวอีกครั้งหลังจากที่เกินระดับในปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจัยที่สำคัญคือการเพิ่มขึ้นของจำนวนครัวเรือนและจำนวนแรงงานหญิง ซึ่งมีผลต่อการที่คนหันมาใช้บริการอาหารภายนอกบ้านมากขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Inbound demand) ยังช่วยขยายตลาดอีกด้วย โดยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าญี่ปุ่นถึง 36.87 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเท่าที่เคยมีมา และการใช้บริการอาหารนอกบ้านในสถานที่ท่องเที่ยวก็มีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จำนวนแรงงานในธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริการที่พักและอาหารลดลงประมาณ 380,000 คนจากปี 2562 ซึ่งเป็นความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพการผลิตในร้านอาหาร และการขาดแคลนแรงงานก็ถือเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้

          ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ Nichirei Foods มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีรสชาติแท้และมีความรู้สึกเหมือนปรุงใหม่ โดยมุ่งเน้นการลดขั้นตอนการทำงานในสถานที่ทำงานไปพร้อมกัน  ผู้บริหารของผู้ผลิตอาหารรายหนึ่งกล่าวว่า  “ในอดีตสถานที่ทำงานที่มีพนักงาน 3 คน ตอนนี้มีพนักงานเพียง 2 คน หากสามารถนำเงินที่ประหยัดจากค่าแรงงานมาลงทุนในอาหารแช่แข็งที่มีคุณภาพสูง ก็จะสามารถนำเสนอเมนูอร่อยในเวลาอันสั้น” และผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับบุฟเฟ่ต์โรงแรมก็จะมีความหลากหลายเช่นกัน โดยมีอาหารแช่แข็งคุณภาพสูงจะช่วยลดเวลาในการเตรียมอาหาร เช่น สลัด ผลิตภัณฑ์จากปลา และของหวานต่างๆ โดยรวมแล้วการนำผลิตภัณฑ์แช่แข็งที่มีราคาและคุณภาพสูงมาใช้ในการให้บริการ ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมอาหารนี้

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

            ประเทศไทยเป็นตลาดอาหารสำเร็จรูป ให้กับญี่ปุ่นในปริมาณมาก แต่ในอนาคตจะมีโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งที่มีการแปรรูปปรุงสำเร็จรูปแล้ว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แช่เย็นแช่แข็งที่ไม่ต้องใช้เวลาหรือความยุ่งยากมากในการเตรียมการปรุงอาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์แช่เย็นแช่แข็งสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป  [Ready to Eat] สำหรับครัวเรือนและอุตสาหกรรมอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะกลุ่ม ภัตตาคารสำหรับครอบครัว หรือ ร้านอาหารที่ให้บริการแบบบุฟเฟต์ รวมถึง โรงอาหารสำนักงาน (Office Canteen) ซึ่งจะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อในญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

แปลและเรียบเรียงจาก

หนังสือพิมพ์ Nikkei ฉบับวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568