แผนการต่อเรือขนส่งสินค้าของ Trump และผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

ระหว่างการปราศรัยต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯในวันที่ 4 มีนาคม 2025 ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ประกาศจัดตั้ง shipbuilding office ขึ้นในทำเนียบขาว เป้าหมายเพื่อเน้นฟื้นฟูอุตสาหกรรมการต่อเรือขนส่งสินค้าและเรือรบของสหรัฐฯ และสัญญาจะให้ผลประโยชน์ด้านภาษีแก่บริษัทผู้ต่อเรือในสหรัฐฯ โดยไม่ระบุว่าจะเป็นผลประโยชน์แบบใด

 

สหรัฐฯได้เพ่งเล็งการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมต่อเรือของจีน Veson Nautical (ธุรกิจด้านการพัฒนา จัดทำ และสนับสนุนการดำเนินการในอุตสาหกรรมการเดินเรือเพื่อการพาณิชย์) รายงานว่าในปี 2024 ร้อยละ 80 ของเรือที่ใช้ในการขนส่งตู้สินค้า (container vessels) และร้อยละ 75 ของเรือที่ใช้ในการขนส่งสินค้าเทกอง (bulk cargo vessels) ต่อขึ้นในจีน การสอบสวนของรัฐบาลประธานาธิบดี Biden ในเดือนมกราคม 2025 ระบุว่า ปฏิบัติการของอุตสาหกรรมต่อเรือของจีนสร้างความได้เปรียบที่เป็นไปอย่างไม่ยุติธรรมให้อุตสาหกรรมจีน   

แผนการต่อเรือขนส่งสินค้าของ Trump และผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศVesselBot ทำธุรกิจเทคโนโลยี่ห่วงโซ่อุปทานระบุว่า ในปี 2024 ร้อยละ 21 ของสินค้านำเข้าสหรัฐฯบรรทุกไปบนเรือขนส่งสินค้าที่ต่อขึ้นในจีน บริษัท Lloyd’s List ทำธุรกิจเป็นสื่อด้านการเดินเรือขนส่งสินค้าระบุว่า ร้อยละ 24 ของเรือขนส่งสินค้า MSC (Mediterranean Shipping Company) ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันต่อในจีนและร้อยละ 92 ของเรือที่บริษัทต้องการในอนาคตถูกสั่งต่อในจีน เช่นเดียวกับร้อยละ 20 ของเรือขนส่งสินค้า Maersk และร้อยละ 79 ของคำสั่งซื้อเรือในอนาคตของบริษัท

 

แผนการของประธานาธิบดี Donald Trump คือ จะลงโทษบริษัทเรือขนส่งสินค้าที่ใช้เรือที่ต่อในจีน โดยเสนอให้เก็บภาษี (levies) กับเรือขนส่งสินค้าที่เดินทางไปเทียบท่าเรือในสหรัฐฯ ดังนี้ กรณีที่เป็นเรือของบริษัทขนส่งจีน ให้เก็บภาษีที่อาจจะสูงถึง 1 ล้านเหรียญต่อเรือหนึ่งลำที่เข้าเทียบท่า ในกรณีที่เรือขนส่งสินค้าเป็นเรือของชาติอื่นที่ไม่ใช่เรือของบริษัทขนส่งสินค้าของจีนแต่เป็นเรือที่ต่อขึ้นในประเทศจีน ให้เก็บภาษีที่อาจสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญฯต่อเรือหนึ่งลำที่เข้าเทียบท่า นอกเหนือจากนี้ ในเดือนมกราคม 2025 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯได้เคยเสนอว่า ให้เก็บเงิน 1 ล้านเหรียญฯต่อเรือหนึ่งลำที่เข้าเทียบท่าสหรัฐฯที่เป็นเรือของบริษัทเรือขนส่งสินค้าที่ร้อยละ 50 หรือมากกว่ามีคำสั่งต่อเรือใหม่ในระยะ 24 เดือนข้างหน้าขึ้นในประเทศจีน

 

สหรัฐฯวางแผนจะบังคับให้ผู้ส่งออกสหรัฐฯต้องใช้เรือขนส่งของสหรัฐฯ (U.S. Flagged vessel) ด้วยเช่นกัน โดยกำหนดว่า ร้อยละ 1 ของการส่งออกสินค้าสหรัฐฯจะต้องทำบนเรือขนส่งของสหรัฐฯ เช่น APL (American President Lines) และจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเป็นร้อยละ 15 ภายใน 7 ปี  และร้อยละ 5 ของเรือขนส่งของสหรัฐฯเหล่านั้นต้องต่อขึ้นในสหรัฐฯ

 

ผู้บริหาร MSC กล่าวในงาน TPM Conference (Trans-Pacific Maritime Conference) ในเมือง Long Beach, California ว่า ข้อเสนอเก็บภาษี (levies) ของประธานาธิบดี Trump ในครั้งนี้จะทำให้อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 พันล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 600 – 800 เหรียญฯต่อหนึ่งตู้สินค้า (container) บริษัทเรือขนส่งสินค้ามีทางเลือกสองทางคือ ขึ้นอัตราค่าขนส่ง แล้วส่งต่อให้ผู้บริโภค หรือ ยุติการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือขนาดเล็ก เช่น Port of Oakland และหันไปขนถ่ายสินค้าเฉพาะที่ท่าเรือสำคัญ เช่น Port of Los Angeles และ Port of Long Beach ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาในการทำงานที่ท่าเรือ เช่น ความจำเป็นต้องโยกย้ายและบริหารจัดการอุปกรณ์การขนถ่ายตู้สินค้า และ การติดขัดของการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือ

 

ที่มา: CNBC: “Trump is targeting China-made containerships in new flank of global economic war on the Oceans” by Lori Ann LaRocco, March 12, 2025

 

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก สคต. ลอสแอนเจลิส

ประมาณการณ์อัตราค่าขนส่งทางเรือจากกรุงเทพฯไปยังนครลอสแอนเจลิส

แผนการต่อเรือขนส่งสินค้าของ Trump และผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

คาดการณ์ว่าอัตราค่าขนส่งสินค้าทางเรือในปี 2025 จะยังคงผันผวนอยู่ต่อไป และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น  นโยบายขึ้นภาษีนำเข้า (tariff) และนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราค่าขนส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ หากสหรัฐฯนำนโยบายการเก็บภาษี (levies) จากเรือขนส่งที่ต่อขึ้นในจีนมาใช้จริง จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าทางเรือไปยังสหรัฐฯเพิ่มขึ้น มีความเป็นไปได้ว่าการเก็บภาษีบนพื้นฐานของสถานที่ต่อเรือขนส่งอาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน เนื่องจากปัญหาของการต่อเรือขนส่งสินค้าในสหรัฐฯเพื่อต่อสู้กับเรือขนส่งสินค้าที่ต่อขึ้นในประเทศจีน คือ

 

1. ค่าใช้จ่ายในการต่อเรือหนึ่งลำของสหรัฐประมาณ 295 ล้านเหรียญฯสูงกว่าค่าต่อเรือในประเทศจีนสองถึงสี่เท่าตัว

2. ค่าใช้จ่ายบนเรือขนส่งสินค้าของสหรัฐฯ เช่น แรงงาน ค่าประกัน ค่าเก็บและบำรุงรักษา เป็นต้น สูงกว่าค่าใช้จ่ายบนเรือขนส่งสินค้าของจีนและหลายประเทศ

3. ปัจจุบันบริษัทต่อเรือในสหรัฐฯมีคำสั่งต่อเรือรบรออยู่เป็นจำนวนมาก การต่อเรือพาณิชย์เพื่อขนส่งตู้สินค้าจึงอาจจะต้องรอหลายปี

4. การต่อเรือจำเป็นต้องใช้เหล็ก (steel) จำนวนมาก แม้ว่าสหรัฐฯจะผลิตเหล็กได้มากติดอันดับหนึ่งในสามของโลกแต่การที่สหรัฐฯได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กร้อยละ 25 อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานเหล็กในการต่อเรือ

 

หมายเหตุ: ข่าวข้างบนนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งที่จัดทำและนำเสนอข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป และบางส่วนเป็นความเห็นส่วนบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส นำมารวบรวมเผยแพร่เพื่อแก่ผู้สนใจ เนื่องจากเป็นข้อมูลและความเห็นจากบุคคลที่สาม การนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเฉพาะบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้                                                                                                                                          

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ นครลอสแอนเจลิส

thThai