ฮ่องกงเร่งออกมาตรการพิเศษ ปกป้องธุรกิจส่งออกจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ

ฮ่องกงประกาศใช้มาตรการใหม่ 3 ประการ เพื่อปกป้องวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากความเสี่ยงในการขนส่งสินค้า ท่ามกลางความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยมาตรการดังกล่าว
มีผลบังคับใช้ทันทีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพียงหนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 125% พร้อมทั้งประกาศพักการจัดเก็บภาษีชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน โดยกำหนดอัตราภาษี ‘พื้นฐาน’ ที่ 10% สำหรับประเทศส่วนใหญ่

 

มาตรการประกอบด้วยการมอบส่วนลดเบี้ยประกัน 50% พร้อมขยายระยะเวลาความคุ้มครองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย การประกันความเสี่ยงก่อนการส่งออก ช่วยคุ้มครองธุรกิจจากความเสียหายทางการเงิน หากคำสั่งซื้อ
ถูกยกเลิกก่อนการจัดส่ง โดยเกิดจากสาเหตุฝั่งผู้ซื้อ เช่น การล้มละลาย การปฏิเสธสัญญา หรือความเสี่ยงในประเทศปลายทาง

 

Mr. John Lee Ka-chiu ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ได้เรียกร้องให้ชาวฮ่องกงในต่างประเทศเพิ่มบทบาทในการส่งเสริมการค้าเสรีในเวทีโลก พร้อมกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในบ้านเกิด นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือจากชาวจีนโพ้นทะเลในการส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก เพื่อดึงดูดบริษัทต่างชาติและบุคลากรคุณภาพให้เข้ามาตั้งถิ่นฐาน
ในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่มากยิ่งขึ้น

 

มาตรการทั้ง 3 ประการ ออกโดยองค์การประกันสินเชื่อการส่งออกฮ่องกง (HKECIC : Hong Kong Export Credit Insurance Corporation) ได้แก่:

  1. ขยายความคุ้มครองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ถือกรมธรรม์ “ธุรกิจขนาดเล็ก” (Small Business Policy) ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2026 โดยกรมธรรม์นี้ครอบคลุมทั้งการให้บริการและการขายแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ และออกแบบมาสำหรับผู้ส่งออกที่มีรายได้ไม่เกิน 50 ล้านดอลล่าร์ฮ่องกงต่อปี (ประมาณ 6.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

 

  1. มอบส่วนลดเบี้ยประกัน 50% สำหรับความคุ้มครองความเสี่ยงก่อนการส่งออกแก่ผู้ส่งออกที่ยังไม่ถือกรมธรรม์ในโครงการข้างต้น

 

  1. ปรับลดอัตราเบี้ยประกันในตลาดเกิดใหม่ ให้ใกล้เคียงกับตลาดหลักดั้งเดิม เช่น สหรัฐฯ และยุโรป เพื่อช่วย
    ลดต้นทุนและสนับสนุนการขยายตลาดไปยังภูมิภาคอาเซียน โดยอัตราเบี้ยประกันจะพิจารณาตามความเสี่ยงเฉพาะของแต่ละประเทศ

 

Mr. Algernon Yau Ying-wah รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกงได้หารือกับผู้แทนจากหอการค้าท้องถิ่น กลุ่ม SMEs และภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เช่น อัญมณี สิ่งทอ อาหาร และอะลูมิเนียม เพื่อวางแนวทางรับมือร่วมกัน พร้อมย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับภาคอุตสาหกรรมท้องถิ่น เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ และสนับสนุน SMEs ทั้งในด้านการเงิน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการแสวงหาตลาดใหม่ ผ่านโครงการและมาตรการสนับสนุนต่างๆ

 

ขณะที่ Ms. Agnes Chan Sui-kuen ประธานหอการค้าฮ่องกง เห็นว่า มาตรการเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่ต้องการขยายสู่ตลาดเกิดใหม่อย่างอาเซียนและตะวันออกกลาง“ผู้ประกอบการ SMEs ของฮ่องกงมีความยืดหยุ่นสูง พร้อมรับมือและคว้าโอกาสใหม่ ๆ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดดั้งเดิม” เธอกล่าว

 

ความคิดเห็นของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง

ไทยและฮ่องกงสามารถพัฒนาโครงการร่วมกันในอุตสาหกรรม เช่น อัญมณี สิ่งทอ และอาหาร โดยอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้า การผนึกกำลังระหว่าง SMEs ไทยและฮ่องกงจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายตลาด

 

https://www.scmp.com/news/hong-kong/politics/article/3306024/hong-kong-launches-measures-protect-exporters-shipment-risks-amid-trade-war?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article

thThai