กลุ่ม Al Ghurair Foods ลงทุน 272 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สร้างโรงงานผลิตอาหารในอาบูดาบี
บริษัท Al Ghurair Foods เตรียมตั้งโรงงานแปรรูปแป้งมันและโรงงานแปรรูปไก่ ในเขตอุตสาหกรรมพิเศษ Kezad คาดว่าว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้แก่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
Kezad Group ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ AD Ports Group เขตเศรษฐกิจและเขตปลอดอากรในกรุงอาบูดาบีครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 550 ตารางกิโลเมตร เป็นศูนย์กลางการผลิต โลจิสติกส์ และการค้า ได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดิน 50 ปีกับบริษัท Al Ghurair Foods เพื่อจัดตั้งโครงการแปรรูปอาหารขนาดใหญ่สามโครงการด้วยเงินลงทุนรวมมูลค่ากว่า 272 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Al Ghurair Foods ก่อตั้งมานานกว่า 40 ปี มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น โรงงานผลิตแป้งสาลี เซโมลินา ข้าวโอ๊ต น้ำมันพืช โรงเลี้ยงไก่ และไข่ไก่ การตั้งโรงงานแปรรูปแป้งมันและโรงงานแปรรูปไก่ที่ Kezad AD Ports เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Abu Dhabi Food Hub ที่มีขึ้นเพื่อขับเคลื่อนขีดความสามารถในการผลิตอาหารของยูเออี และยกระดับสถานะของประเทศในฐานะศูนย์กลางระดับภูมิภาคที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และการพัฒนาล่าสุดนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการที่ยูเออีและประเทศ GCC อื่นๆ ให้ความสำคัญกับกิจกรรมและโครงการต่างๆที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาค
นาย Abdullah Al Hameli ผู้บริหารระดับสูงของ AD Ports มั่นใจว่าการตั้งโรงงานนี้จะขับเคลื่อนวาระความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ และช่วยส่งเสริมเป้าหมายของ Kezad ในการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งอาหารในประเทศและเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการตอบสนองต่อความท้าทายในอนาคต
โรงงาน Plant-based meat แห่งแรกในอาบูดาบี
เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวการเปิดโรงงานผลิตเนื้อสัตว์จากพืช (plant-based meat) แห่งแรกของอาบูดาบี ชื่อ Switch Foods โรงงานแห่งนี้สร้างขึ้นใหม่บนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตรที่เขตอุตสาหกรรม Khalifa ในเมืองอาบูดาบี สามารถผลิตเนื้อสัตว์จากพืชได้ 1,000 กิโลกรัมต่อชั่วโมงหรือ 8,000 กิโลกรัมต่อวัน นอกเหนือจากพื้นที่การผลิตที่มีเทคโนโลยีสูงแล้วโรงงานยังมีห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการนวัตกรรมและหน่วยจัดเก็บ
วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย ผลิตภัณฑ์ซึ่งจะวางจําหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศในเดือน พ.ค. ได้แก่ kebab, soujuk, kofta, ไส้เบอร์เกอร์ (burger patties) และเนื้อสับ ทั้งหมดเป็นพืช 100% ส่วนใหญ่มาจากถั่ว
ขณะนี้กลุ่ม Flexitarian หรือผู้บริโภคกินอาหารมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (กึ่งมังสวิรัติ) เป็นกลุ่มผู้ที่ต้องการกินมังสวิรัติแต่กินเนื้อสัตว์ต่างๆได้บ้าง ต้องการเปลี่ยนอาหารหนึ่งสัปดาห์หรือสองมื้อต่อเดือนในการบริโภคพืชเป็นหลัก ดังนั้น flexitarians เป็นมีแนวโน้มเป็นตลาดที่ใหญ่กว่ามังสวิรัติ
ประเทศยูเออีตั้งอยู่ในภูมิภาคที่บริโภคเนื้อสัตว์มากที่สุดในโลก โดยบริโภคเนื้อสัตว์โดยเฉลี่ยประมาณ 55 กิโลกรัมต่อหัว ในขณะที่องค์การอาหารและเกษตรฯ (Food and Agriculture Organisation) แนะนำเพียง 22 กก. เท่านั้น
เมื่อเนื้อสัตว์ทางเลือกได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น มีแบรนด์ต่างประเทศหลายแบรนด์มีอยู่แล้วในยูเออี เช่น Beyond Meat ยอดนิยม แต่ Switch Foods ภูมิใจที่สามารถผลิตสินค้าจากพืชที่ปลูกได้เองในท้องถิ่น
นอกจากนี้เมื่อเดือนมีนาคม 2566 บริษัท IFFCO ผู้ผลิตอาหารรายสำคัญของดูไบ เปิดโรงงานผลิตเนื้อสัตว์จากพืชแห่งแรก ชื่อ Thryve ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรม Dubai Industrial City คาดว่าโรงงาน THRYVE แห่งใหม่จะสามารถรองรับความต้องการอาหารประเภทนี้ของประชากร GCC ได้ถึงร้อยละ 30 และสามารถกระตุ้นการพัฒนาตลาดสําหรับผลิตภัณฑ์จากพืชในท้องถิ่น และมีรายงานของ ResearchAndMarkets.com ระบุตลาดเนื้อสัตว์จากพืชทั่วโลกในปี 2565 มีมูลค่า 7.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะสูงถึง 15.7 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2570
ความเห็นของ สคต. ณ เมืองดูไบ
อุตสาหกรรมอาหารในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีส่วนสนับสนุนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท รวมถึงการแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดจำหน่าย และการค้าปลีก อุตสาหกรรมอาหารที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านอาหารของประเทศและตอบสนองความต้องการของประชากรที่มีความหลากหลาย อาหารที่ผลิตก็มีความหลากหลายเช่นกัน อาทิอาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ ปลา ผักและผลไม้ รัฐบาลยูเออีได้ลงทุนอย่างมากในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงสถานที่แปรรูปอาหาร สถานที่จัดเก็บและเครือข่ายการกระจายสินค้า ซึ่งทำให้ประเทศสามารถนำเข้าและเก็บอาหารได้เป็นจำนวนมาก สร้างความมั่นคงทางอาหารและตอบสนองความต้องการอาหารได้ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้อุตสาหกรรมอาหารของยูเออีได้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก มีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการแปรรูป บรรจุภัณฑ์ และการจัดจำหน่ายอาหารของประเทศ เพื่อผลิตอาหารที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล
รัฐบาลได้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมพิเศษอาหาร (food parks & zones) หลายแห่งเพื่อส่งเสริมการพัฒนาของอุตสาหกรรมอาหารและเป็นเวทีสำหรับความร่วมมือและนวัตกรรมสำหรับธุรกิจอาหาร เขตพิเศษเหล่านี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรวมถึงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหาร
อุตสาหกรรมอาหารยูเออียังมีกฎระเบียบและมาตรฐานด้านความปลอดภัยของอาหารที่เข้มงวด ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารที่จำหน่ายในประเทศมีความปลอดภัยและมีคุณภาพได้มาตรฐานสูง สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในอุตสาหกรรม
โดยรวมแล้ว อุตสาหกรรมอาหารในยูเออีมีความสามารถในการผลิตและจัดหาอาหารที่มีคุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศและตอบสนองความต้องการของประชากรที่หลากหลาย โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพของอาหาร ทำให้อุตสาหกรรมนี้ยังคงมีการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เมื่อหลายประเทศทั่วโลก เริ่มและต่างพยายามสร้างความมั่นคงด้านอาหารด้วยตนเอง สนับสนุนการผลิตอาหารภายในประเทศ เพื่อบริโภคเองมากขึ้น เพื่อลดการนำเข้า ให้ความสำคัญกับเกษตรกรรมมากขึ้น ซึ่งย่อมส่งผลกระทบและสร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้ส่งออกอาหารและผักผลไม้หลายประเทศต้องปรับตัวตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้