ช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ของทุกปีจะเป็นช่วงฤดูกาลลิ้นจี่ในตลาดจีน และในปีนี้ผลผลิตลิ้นจี่ในประเทศจีนมีปริมาณน้อย และราคาจำหน่ายสูง อยู่ที่ราคาประมาณ 30 – 60 หยวนต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าปีก่อนๆ หลายเท่าตัว
ผลผลิตลิ้นจี่ในปี 2567 ของจีนลดลงเป็นอย่างมาก ตัวเลขจากศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมลิ้นจี่ลําไยแห่งประเทศจีน ประกาศว่า ผลผลิตลิ้นจี่ของจีนปีนี้มีปริมาณ 1.78 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 45.94 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลผลิตของพันธุ์พิเศษ ที่สุกช้าลดลงร้อยละ 60 – 80 เช่น พันธุ์ Heiye (黑叶), Huaiji (怀枝), Guiwa (桂味), Nuomici (糯米糍), Jizuili (鸡嘴荔)
จีนเป็นประเทศที่ผลิตลิ้นจี่มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยปกติจะมีผลผลิตต่อปีสูงถึง 3.01 ล้านตัน ผลผลิตจำนวนนี้ร้อยละ 85 มาจากมณฑลกวางตุ้ง และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ส่วนที่เหลือปลูกในมณฑลไห่หนาน (เกาะไหหลำ) มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลยูนนาน และมณฑลเสฉวน ถึงแม้ว่าปริมาณผลผลิตจะสูง แต่ลิ้นจี่ก็มีความเสียหายถึงร้อยละ 18 – 30 และการส่งออกไม่ถึงร้อยละ 0.3 ซึ่งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดในการพัฒนาธุรกิจลิ้นจี่ของจีน เช่น เทคโลโลยีการรักษาความสดยังไม่ทันสมัย ข้อจำกัดในการการจำหน่ายตามฤดูกาล เงื่อนไขรักษาความสดระหว่างการขนส่ง และเรื่องตรวจสอบและกักกันโรคระหว่างประเทศ เป็นต้น
ล่าสุดมีข่าวดีประกาศว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 Mr. Liang Qianru รองผู้อํานวยการ ของกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมณฑลกวางตุ้งได้พาคณะทำงานเข้าร่วมรายการ TV กวางตุ้ง และมีการแสดงสาธิตลิ้นจี่ที่ผ่านการแช่แข็ง (Frozen) มาแล้วเป็นเวลา 10 เดือน และเห็นได้ว่าลิ้นจี่ที่ละลายออกมา มีเปลือกแดงเท่ากับผลสดที่เพิ่งเก็บจากต้น เนื้อผลลิ้นจี่ยังสวยงามเหมือนผลใหม่ และสามารถรักษาคุณภาพสารอาหารได้ถึงร้อยละ 90 ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการรับประทานลิ้นจี่ได้ตลอดปีของผู้บริโภค ทั้งนี้ เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ฮิตในหมู่ชาวอินเตอร์เน็ตผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทั่วจีน
รักษาความสดของลิ้นจี่ 1 ปีได้อย่างไร
ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่อ่อนไหวกับเวลาและไม่สามารถบ่มสุกได้ (Non-climacteric fruit) ยิ่งสดมากรสชาติที่แท้จริงยิ่งเด่นชัด รสชาติดีที่สุดของลิ้นจี่จะมีอายุสั้นเพียง 3 – 5 วัน เมื่อเวลาผ่านไปความสดและรสชาติที่เคยมีจะค่อยจืดจางลง แม้ว่าใส่ไว้ในตู้เย็น สีเปลือกก็เปลี่ยนเป็นสีดำและเนื้อก็จะนิ่มเละในเวลาเพียงสั้นๆ
ทำอย่างไรจึงสามารถรักษาความสดใหม่ของลิ้นจี่ได้ ประเทศจีนได้มีความพยายามค้นหาเทคนิคมาตลอดเวลา จนถึงเจอเทคโนโลยีใหม่ที่เป็น “เทคโนโลยี Frozen Sleep หรือ Cryosleep (จำศีล) ด้วยก๊าซไนโตรเจนเหลว” เป็นเทคโนโลยีที่ทําให้เกิดความชุ่มชื้นและการแช่แข็งอย่างรวดเร็วเป็นหลัก กล่าวคือ ลิ้นจี่ที่เก็บจากต้นแล้วรีบเอาไปผ่านระบายความร้อนล่วงหน้าอย่างรวดเร็ว และผ่านการฆ่าเชื้อ บรรจุหีบห่อแบบสูญญากาศ แล้วนำไปแช่เยือกแข็งเพื่อรักษาความความสดอย่างรวดเร็ว (Frozen Sleep ด้วยก๊าซไนโตรเจนเหลว) และเก็บรักษาในระบบแช่แข็ง ซึ่งทั้งกระบวนกันไม่ได้ใช้ สารกันบูด ไม่มีสารเคมีเพิ่มเติม วัตถุเจือปนอาหาร และสิ่งสําคัญ คือการใช้วิธีการทางฟิสิกส์เพื่อ”ล็อค” ความสด
เทคโลโลยี Frozen Sleep ดังกล่าวเป็นระบบทางเทคนิคที่ข้ามภูมิปัญญาของผลิตภัณฑ์อาหารทางการเกษตร วิธีการฟิสิกส์และสาขาวิชาอื่นๆ และเทคโนโลยีหลักของมันอยู่ที่ “การแข่งขัน” กับการก่อตัวของผลึกน้ำแข็ง ซึ่งสามารถปรับขนาดและการกระจายของผลึกน้ำแข็งภายใต้อุณหภูมิ -35°C หรือต่ำกว่า ให้เป็นผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กหนาแน่นและกระจายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เซลล์อยู่ในสถานะพักตัว ปกติลิ้นจี่ที่วางอยู่ในอุณหภูมิ -3°C – 15°C จะตกผลึกน้ำแข็งได้ง่าย ส่วนอุณหภูมิของก๊าซไนโตรเจนเหลวอยู่ที่ติดลบ 196 องศาเซลเซียสซึ่ งสามารถทำให้ลิ้นจี่ตกผลึกอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ผนังเซลล์ลิ้นจี่ไม่แตก ยังสามารถรักษารสชาติดั้งเดิมของเนื้อได้หลังจากลิ้นจี่ที่ละลายแล้ว
ในกระบวนการบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตเลือกฟิล์มบรรจุภัณฑ์สูญญากาศที่มีความยืดหยุ่นและหนากว่าเพื่อให้ลิ้นจี่พันธุ์ต่างๆ มี “ถุงนอนแช่แข็ง” ของตัวเองโดยเฉพาะและสามารถรักษาความสดของลิ้นจี่นานถึง 18 เดือน
Frozen Sleep กับแช่แข็งทั่วไปมีความแตกต่างอย่างไร
ภายใต้ความกดอากาศปกติ ความหนาแน่นของน้ำจะลดลงเมื่อแข็งตัวและปริมาตรจะค่อยๆขยายตัว โดยทั่วไปผลึกน้ำแข็งจะขยายตัวมากกว่า 20 – 100 ไมครอน การขยายตัวปริมาตรของจะทําลายผนังเซลล์ ดังนั้น ในกรณีแช่แข็งปกติ น้ำในเซลล์อาหารจะก่อตัวเป็นผลึกน้ำแข็ง และถูกทำลายเมื่อผลึกน้ำแข็งขยายตัว นี่คือสาเหตุที่อาหารแช่แข็งมักจะมีน้ำชุ่มหลังจากละลาย หลังจากอาหารถูกแช่แข็ง น้ำจะหายไปและรสชาติจะลดลงและเนื้อก็จะนิ่ม จึงทำให้สูญเสียสี กลิ่น และรสชาติดั้งเดิม
ความแตกต่างจากการแช่แข็งปกติ เทคโนโลยี Frozen Sleep ใช้ก๊าซไนโตรเจนเหลวเป็นตัวกลาง ทำให้อัตราการทําความเย็นเร็วกว่าความเร็วในการก่อตัวของผลึกน้ำแข็ง โดยมีความเร็วเป็น 20 เท่าของการแช่แข็งในอากาศ และสามารถข้ามโซนอุณหภูมิของการก่อตัวของผลึกน้ำแข็งสูงสุด (-5°C ถึง -1°C) ได้อย่างรวดเร็ว และอาหารจะไม่ก่อตัวเป็นผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่กระจายไม่สม่ำเสมอ แต่เป็นผลึกละเอียดที่กระจายอย่างสม่ำเสมอและทำให้เส้นผ่านศูนย์กลางของผลึกน้ำแข็งในเซลล์ขยายตัวไม่เกิน 5 ไมครอน
นอกจากลิ้นจี่แล้ว ยังมีอะไรที่สามารถ Frozen Sleep ได้
เทคนิค Frozen Sleep เหมือนกับการแช่แข็งสเปิร์มและไข่ โดยได้นำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์ปศุสัตว์ สำหรับลิ้นจี่มีปริมาณน้ำสูงและแช่แข็งด้วยก๊าซไนโตรเจนเหลว ได้ยาก ดังนั้นจึงสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้กับการรักษาความสดของผักและผลไม้อื่นๆ ได้หลังจากนำเทคนิคนี้ใช้กับลิ้นจี่อย่างประสบความสําเร็จ เช่น ทุเรียน แก้วมังกร ลำไย กล้วย เป็นต้น
ลิ้นจี่ที่ Frozen Sleep ที่มีจำหน่ายในตลาดปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากมณฑลกวางตุ้ง โดยผ่านการจำหน่ายทางแพลตฟอร์ม E-commerce ทางออนไลน์ เช่น Taobao, Tmall, และ JD.com เป็นต้น ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 84 – 180 หยวนต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาจำหนายสูงกว่าราคาตลาดในช่วงฤดูกาลเป็น 10 – 20 เท่าตัว
ความเห็น สคต.ณ เมืองหนานหนิง ปัจจุบันจีนอนุญาตนำเข้าลิ้นจี่สดจากต่างประเทศทั้งหมดจาก 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย พม่า ไทย เวียดนาม เมื่อปี 2566 จีนนำเข้าลิ้นจี่สดจากต่างประเทศ มีปริมาณ 31,019 ตัน มูลค่า 84,612,205 หยวน ประกอบด้วย จากเวียดนาม ปริมาณ 31,017 ตัน มูลค่า 84,565,335 หยวน และจากไทย ปริมาณ 2.3 ตัน มูลค่า 46,870 หยวน และลิ้นจี่จีนที่ส่งออกไปต่างประเทศ มีปริมาร 21,684 ตัน มูลค่า 379,519,003 หยวน ถ้าเทียบราคาลิ้นจี่นำเข้าจากไทยและเวียดนาม และราคาส่งออกของจีนแล้ว พบว่า ราคานำเข้าจากไทยอยู่ที่ 20.7 หยวนต่อกิโลกรัม ราคานำเข้าจากเวียดนามอยู่ที่ 2.7 หยวนต่อกิโลกรัม ราคาส่งออกของจีนอยู่ที่ 17.5 หยวนต่อกิโลกรัม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลิ้นจี่ไทยยังมีโอกาสในตลาดจีน ด้วยปริมาณผลผลิตในประเทศยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการบริโภคในจีนได้ อีกทั้ง ฤดูกาลที่ผลผลิตออกสู่ตลาดที่เหลื่อมกัน จึงเป็น โอกาสที่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ไทยจะส่งเสริมการเพาะปลูกผลไม้เมืองร้อนที่หลากหลายและต้องได้คุณภาพ ควบคู่การพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออกไปตลาดจีน ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มมูลค่า (Value added) ให้กับตัวสินค้าแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และค่านิยมของผลไม้ไทยที่มีคุณภาพและความสดใหม่ในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน แต่ด้วยลิ้นจี่ไทยอาจมีข้อจำกัดด้านระยะเวลาในการขนส่งที่เกิดผลกระทบต่อความสดใหม่ของลิ้นจี่ ดั้งนั้น การประยุกต์ใช้เทคนิค Frozen Sleep อาจจะนำแนวคิดใหม่เพื่อรักษาความสดของลิ้นจี่ และจะส่งเสริมการส่งออกมากขึ้น รวมถึงช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วย
นอกจากนี้ ยังสามารถประยุกต์ใช้เทคนิค Frozen Sleep กับสินค้าเกษตรอื่นๆ ด้วย เช่น ผลไม้ อาหารทะเล และเป็นต้น ที่ผ่านมาประเทศมาเลเซียได้ใช้เทคนิคนี้ใช้กับทุเรียน เพื่อให้เป็นทุเรียนแช่แข็งทั้งลูก และมีการส่งออกเข้าสู่ตลาดจีนตลอดทั้งปี โดยมีราคาจำหน่ายประมาณ 120 – 215 หยวนต่อกิโลกรัม และได้รับการตอบรับทางตลาดค่อนข้างดี
สคต.ณ เมืองหนานหนิง ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเดิมว่าการใช้เทคนิค Frozen Sleep จะทำให้ต้นทุนของสินค้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตัว ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดยังไม่ได้ประยุกต์ใช้เทคนิคนี้เป็นแพร่หลายและผู้บริโภคยังไม่ได้ความรู้กับสินค้าแช่แข็งเทคนิค Frozen Sleep เป็นทั่วไป เทคนิคนี้ยังคงเหมาะสำหรับใช้กับสินค้าที่เน้นความสดและมีมูลค่าสูง เช่น ทุเรียน อาหารทะเล หรือเป็นสินค้าเกษตรที่มีเวลาสั้นในช่วงฤดูกาล เช่น ลิ้นจี่ ลำไย และเป็นต้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่สนใจเรื่องดังกล่าว ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทางตลาดอย่างต่อเนื่อง และศึกษาข้อมูลราลละเอียดที่เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาสินค้าของไทย
—————————————————————————
แหล่งที่มา
https://www.163.com/dy/article/J1UG751P05129QAF.html
https://mp.weixin.qq.com/s/FBzzURxTKUerGznFGUB2uQ
https://www.sohu.com/a/795320915_121010226
https://www.163.com/dy/article/J1NRCEHM05129QAF.html
http://www.stdaily.com/index/kejixinwen/202405/0a103da3c9924731b98d7c8fa3985380.shtml
สำนักงานส่งเสริมการค้ามในต่างประเทศ ณ เมืองหนานหนิง