เมือง Zwickau, Leipzig หรือ Grünheide เป็นเมืองที่มีการผลิตรถไฟฟ้า (EV) ในเยอรมนี ซึ่งรถไฟฟ้าส่วนใหญ่ของเยอมนีมักจะผลิตขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศ จึงทำให้บริษัทค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี อาทิ Volkswagen, BMW, Porsche และ Tesla เข้าไปลงทุนในพื้นที่ของเมืองนี้กว่าหลายพันล้านยูโรของ จนทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะรัฐ Sachsen และ Brandenburg เรียกได้ว่า นโยบายเงินอุดหนุนการซื้อ EV คันใหม่ที่ให้แก่ผู้บริโภค จนถึงปี 2023 ถือเป็นเงินอุดหนุนที่สำคัญมากสำหรับภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว การจ้างงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีตะวันออกเพิ่มขึ้นมากกว่า 55% นับตั้งแต่ปี 2009 และยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า แต่การหยุดให้เงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างกะทันหันในช่วงปลายปี 2023 ได้ทำให้ยอดขาย EV ตกลงอย่างฉับพลัน จนเกิดวิกฤตแทน ด้านนาย Carsten Schneider ผู้ได้รับมอบหมายในการดูแลภูมิภาคเยอรมนีตะวันออกของรัฐบาลกลางเยอรมัน เปิดเผยว่า “ยอดขาย EV ที่ตกลงนั้น ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนในเยอรมนีตะวันออก” ความไม่มั่นคงของการเจริญเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ในฝั่งตะวันออกของประเทศได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผ่านวิกฤต VW ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ในเมือง Zwickau เป็นโรงงานหลัก โดยโรงงานของ VW ดังกล่าวเป็นโรงงานแห่งแรก ในรัฐ Sachsen ที่ถูกดัดแปลงมาผลิตรถ EV แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันกำลังประสบกับปัญหาไม่สามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ ด้านนาย Dirk Schulze ประธานสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมเหล็ก (Industriegewerkschaft Metall, IG Metall) ประจำ Berlin-Brandenburg และรัฐ Sachsen กล่าวว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมรถยนต์ในพื้นที่เยอรมนีตะวันออกกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก ดังนั้น ทางออกที่สำคัญคือ การพยายามรักษาให้เยอรมนีตะวันออกยังคงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมนี้ต่อไปให้ได้” ซึ่งเป้าหมายนี้หนักขนาดไหนสามารถดูได้จาก การศึกษาอย่างครอบคลุมของเครือข่ายการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระดับภูมิภาคใน 3 รัฐ ซึ่งเป็นรายงานได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สภาวะอากาศของรัฐบาลกลางเยอรมัน โดยสำนักข่าว Handelsblatt ได้นำรายงานดังกล่าวมาวิเคราะห์ พบว่า ขณะนี้ทั้ง 3 รัฐ มีความเชื่อมโยงกันทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง มากว่า 3 ทศวรรษ ในช่วงที่เพิ่งจะรวมประเทศใหม่ ๆ นาย Tom Krebs ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากเมือง Mannheim กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ไปใช้ระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ถือเป็นโอกาสที่สำคัญของภูมิภาคเยอรมนีตะวันออกที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้นำในด้านนี้” โดยนาย Krebs กล่าวต่อว่า “จะเป็นแย่มาก ๆ สำหรับภาคอุตสาหกรรมนี้ในเยอรมนีตะวันออก หากเกิดวิกฤตขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ EV” โดยอ้างถึงการอภิปรายที่หนาหูยิ่งขึ้นในปัจจุบันเกี่ยวกับความต้องการที่จะขยายระยะเวลาการใช้งานรถยนต์สันดาปออกไป
นาง Colette Boos-John รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของรัฐ Thüringen กล่าวว่า “ปัญหาของเราไม่ได้อยู่ที่การเปลี่ยนผ่านจากระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปไปสู่ระบบพลังงานไฟฟ้า แต่ปัญหาอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง” เหนือสิ่งอื่นใดนาง Colette ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐกลับมาให้เงินอุดหนุนในการซื้อรถ EV ใหม่อีกครั้ง และขยายโครงการการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า “หากสิ่งนี้เกิดขึ้นรัฐ Thüringen และรัฐ Sachsen อาจจะกลายเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ในไม่ช้า” เมื่อเทียบกับสำนักงานใหญ่ในฝั่งเยอรมนีตะวันตก บริษัทต่าง ๆ ในเยอรมนีตะวันออกหลายแห่งปฏิบัติงานโดยมีโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองอนาคตมากขึ้น แม้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศ แต่น้ำหนักความสำคัญทางเศรษฐกิจยังคงกระจายไม่เท่าเทียมกัน โดยมีพนักงานเพียง 82,000 คน ที่ทำงานโดยตรงในอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีตะวันออก ในขณะที่ เยอรมนีตะวันตกมีจำนวนพนักงานมากกว่า 700,000 คน และเมื่อมองที่ส่วนแบ่งยอดขายที่ 7.3% ความสำคัญของภาคตะวันออกก็ยิ่งต่ำลงไปอีก ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเหตุผลทางประวัติศาสตร์เป็นปัจจัยหลัก หลังจากปี 1990 อุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีตะวันออกได้เริ่มต้นจากศูนย์ กล่าวคือ โรงงานที่เคยผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Trabant, Wartburg และ Simson ถูกเจ้าของรายใหม่จากฝั่งเยอรมันตะวันตกเข้าซื้อกิจการ และปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ขณะที่ BMW และ Porsche ได้ตั้งโรงงานแห่งใหม่ในเมือง Leipzig อีกด้วย หลังจากความยากลำบากในช่วงแรกพวกเขาก็กลับมาเดินเครื่องได้สวยอีกครั้งโดยเฉพาะในรัฐ Sachsen โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า ภาคตะวันออกของประเทศได้คะแนนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่า ค่าจ้างที่ต่ำกว่า และความยืดหยุ่นในการทำงานที่สูงกว่า เป็นต้น อย่างไรก็ตามข้อเสียก็คือ หลักประกันทางสังคมของพนักงานจำนวนมากลดลงตามเช่นกัน ตัวอย่างเช่น โรงงานในเยอรมนีตะวันออกมักจะจ้างคนงานชั่วคราวมากกว่าโรงงานในเยอรมนีตะวันตก ทำให้โรงงานเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผลิตรถ EV ซึ่งในขณะนี้ความต้องการแรงงานในโรงงานเหล่านี้ก็มีความผันผวนมากขึ้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่า ทำไม Volkswagen และ BMW จึงตั้งใจเอาโรงงานผลิตรถ EV รุ่นแรก ของตนมาตั้งไว้ที่เมือง Leipzig และ Zwickau ตัวอย่างเช่น โรงงาน VW ในเมือง Zwickau ซึ่งมีพนักงาน 8,000 คน ได้เปลี่ยนมาผลิตรถ EV สำหรับ VW, Audi และ Cupra ทั้งหมดตั้งแต่ปี 2018 ขณะที่โรงงานหลักในเมือง Wolfsburg, Ingolstadt และ Martorell ยังคงผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ การอนุมัติที่รวดเร็วในการติดตั้งแหล่งพลังงานทางเลือก และพลังงานไฟฟ้าทางเลือกที่มีเป็นจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สนับสนุนภาคตะวันออกของประเทศเช่นกัน ปัจจัยทั้ง 2 ปัจจัยนี้ทำให้ผู้ผลิตมั่นใจมากขึ้น ในปี 2019 ผู้ผลิตยานยนต์ระดับนานาชาติบริษัทแรกได้ตัดสินใจเข้ามาตั้งโรงงานแห่งใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรก นั่นคือ บริษัท Tesla ที่เมือง Grünheide รัฐ Brandenburg แม้แต่บริษัท BMW ก็ตั้งใจที่จะย้ายโรงงานส่วนหนึ่งไปตั้งที่ภาคตะวันออกของประเทศด้วยเช่นกัน ในปี 2023 กลุ่ม BMW ได้ย้ายส่วนหนึ่งของฐานการผลิต Mini จากสหราชอาณาจักร และจากเนเธอร์แลนด์ไปไว้ที่เมือง Leipzig และเปลี่ยน Mini มาใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแทน นอกจากนี้เยอรมันตะวันออกยังมีการสนับสนุนด้านเงินทุนที่ดีกว่าฝั่งรัฐทางตะวันตกอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 มีการอนุมัติเงินทุนภาครัฐเกือบ 12,000 ยูโรต่อ 1 ตำแหน่งงาน ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ในทางตะวันตกการสนับสนุนดังกล่าวอยู่ต่ำกว่า 5,000 ยูโรเล็กน้อย อย่างไรก็ตามในโรงงานในเยอรมนีตะวันออกกลับมีงานส่งออกน้อยกว่าจากโรงงานในเยอรมนีตะวันตก เหนือสิ่งอื่นใดโรงงานหลายแห่งยังคงถูกจำกัดให้อยู่ในบทบาทของ “โรงงานเสริม” การศึกษาดังกล่าวระบุว่า “เห็นได้ชัดว่า เกิดจากขาดการพัฒนาทักษะ และการตัดสินใจในองค์กรที่ตั้งอยู่เยอรมันตะวันออก” แม้ว่าโรงงานในเยอรมนีตะวันออกจะผลิตรถ EV เพิ่มขึ้น แต่การทำงานด้านการพัฒนาคุณภาพระดับสูงกลับยังคงอยู่ในฝั่งตะวันตกแทบทั้งหมด บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนส่วนใหญ่ยังคงถูกจำกัดบทบาทในฐานะผู้ผลิตตามสัญญาที่มีเงินทุนต่ำ ส่วนใหญ่พวกเขายังคงผลิตส่วนประกอบสำหรับการผลิตเครื่องยนต์สันดาปอยู่ ซึ่งชิ้นส่วนเหล่านี้จะถูกติดตั้งในโรงงานในเยอรมนีตะวันตกเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐ Sachsen ซึ่งมีผู้ผลิตชิ้นส่วนแทบทุกแห่งทั่วรัฐ บริษัทขนาดเล็ก และขนาดกลางจำนวนมากอาจประสบปัญหาการรักษาตัวตนในภาคธุรกิจไว้ต่อไปได้ รายงานดังกล่าวยังระบุว่า ส่วนประกอบ 70% ที่ผลิตในรัฐ Sachsen เป็นวัสดุพิเศษที่ “ไม่มีจำหน่ายอีกต่อไป หรือต้องการในจำนวนที่น้อยลง หรือถูกเปลี่ยนหรือดัดแปลงเรียบร้อยแล้ว” แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การที่ภาคเอกชนจะใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปต่อไปจะเป็นอันตรายต่อการมีตัวตนของพวกเขามาก นาย Krebs ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย Mannheim กล่าว “สำหรับภาคตะวันออก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีบริษัทขนาดเล็ก และขนาดกลางจำนวนมาก การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างต่อเนื่องโดยมีเงื่อนไขกรอบการทำงานที่ชัดเจนจึงถือเป็นเรื่องสำคัญเป็นพิเศษ” ซึ่งสาเหตุยังมาจากโครงสร้างการดำเนินการวิจัย และพัฒนาในภาคตะวันออก ซึ่งตามความเห็นของรายงานพบว่า ยังไม่ได้รับการใช้ประโยชน์ในด้านดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐ Sachsen และ Thüringen ที่เมือง Dresden, Jena หรือ Chemnitz เมืองที่มีมหาวิทยาลัยที่แข็งแกร่งด้านเทคนิค และวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันวิจัย และสถาบัน Fraunhofer ด้านเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เทคโนโลยีแบตเตอรี่ และซอฟต์แวร์อีกมากมาย แต่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมันกลับมุ่งเน้นแผนกวิจัย และพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไปไว้ที่ทางฝั่งตะวันตกเป็นหลัก
ผลลัพธ์: จากการศึกษาพบว่า ภาคอุตสาหกรรมในฝั่งเยอรมนีตะวันออกไม่ได้รับความสำคัญเพียงพอในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น เทคโนโลยีแบตเตอรี่ การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดิจิทัล และการขับขี่อัตโนมัติ ข้อยกเว้น พื้นที่เดียวก็คือ กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงแห่งนี้มีความแข็งแกร่งในด้านดิจิทัล และเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ และเหนือกว่าความสามารถของบริษัทแม่ในเยอรมนีตะวันตก เช่น บริษัท Cariad บริษัทซอฟต์แวร์ของ VW ได้ย้ายกิจกรรมของตนไปตั้งไว้ที่เมืองหลวงของเยอรมัน แต่ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ ตำแหน่งงานในภาคตะวันออกที่สร้างมาอย่างยากลำบากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามีความเสี่ยงที่จะสูญหายไป นาย Dirk Schulze ผู้บริหารของ IG Metall กล่าวว่า “ทุกคนต้องเข้าใจชัดเจนว่า การลดกำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมในเยอรมนีตะวันออกจะส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองที่ควบคุมไม่ได้ยิ่งขึ้นไปอีก” โดยอ้างถึงขบวนการประชานิยมที่กำลังเติบโตขึ้นในเยอรมนีตะวันออก “ไม่มีใครที่จะไม่สนใจเรื่องนี้ได้”
จาก Handelsblatt 31 มกราคม 2568