อินเดียนำเข้าอาหารคิดเป็นมูลค่า 33 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566

อินเดีย เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาไม่กี่ประเทศที่พึ่งพาตนเองด้านอาหารได้ แต่ยังมีการนำเข้าอาหารกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเป็นมูลค่า 33 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566 แม้ว่าจะขยายตัวลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

โดยจากรายงานของหน่วยงานวิจัยนโยบายทางการค้า พบว่ามากกว่าครึ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันพืช รองมาคือ กลุ่มผลไม้ ธัญพืช (พืชตระกูลถั่ว) และเครื่องเทศ ซึ่งสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันพืช ธัญพืช และผลไม้แห้ง คิดเป็นร้อยละ 72.1 ของการนำเข้าสินค้าเกษตรทั้งหมด โดยมีรายละเอียดรายการสินค้า มูลค่า และแหล่งนำเข้าสำคัญ ดังนี้

  • กลุ่มผลไม้ (แห้งและสด) ในปี 2566 มีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 4 พันล้านเหรียญ ในปี 2566

โดยจำแนกตามรายการสินค้าได้ ดังนี้

– ผลไม้สด ประกอบด้วย

รายการ มูลค่า (ล้านเหรียญสหรัฐ) แหล่งนำเข้าหลักของอินเดีย
แอปเปิ้ล – 080810 350.7 ตุรกี อิตาลี อิหร่าน โปแลนด์ แอฟริกาใต้
ส้มเปลือกบาง – 080510 90.9 อิยิปต์ แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แคนาดา
ส้มแมนดาริน – 080520 14.8 ไม่ระบุ
องุ่น – 080610 22.1 จีน อัฟนิสถาน ชิลี อิยิปต์ ออสเตรเลีย
กีวี – 081050 67.0 ชิลี กรีซ อิตาลี นิวซีแลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
ลูกแพร์ – 080830 26.9 แอฟริกาใต้ ชิลี สหรัฐเอมิเรสต์ อาร์เจนติน่า เนเธอร์แลนด์
ผลไม้อื่นๆ 40.9 ไม่ระบุ

– ผลไม้แห้ง ประกอบด้วย

รายการ มูลค่า (ล้านเหรียญสหรัฐ) แหล่งนำเข้าหลักของอินเดีย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์   – 080131 1,400 กานา โกตดิวัวร์ โตโก แทนซาเนีย ไนจีเรีย
อัลมอนด์ – 080211 930 สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อัฟกานิสถาน แคนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
วอลนัท – 080231 235 ชิลี สหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แคนาดา
ลูกหมาก – 080280 130.2 ศรีลังกา อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เมียนมา บังกลาเทศ

ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 7 มูลค่า 85,753 เหรียญสหรัฐ (ณ ส.ค. 66)

อินทผลัม – 080410 210 สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อิรัก อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย ตูนีเซีย
มะเดื่อ – 08042002 127.2 อัฟกานิสถาน ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อิหร่าน ไทย
ลูกเกด – 080620 75.7 อัฟกานิสถาน กรีซ อิหร่าน จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
  • กลุ่มธัญพืช (พืชตระกูลถั่ว) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบสำคัญที่อินเดียนำเข้าคิดเป็นมูลค่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566 โดยมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 44 จากปีก่อนหน้า
  • กลุ่มเครื่องเทศ มีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566 โดยสินค้าอินเดียนำเข้าหลัก อาทิ พริกไทย อบเชย กานพลู เมล็ดโป๊ยกั๊ก ขิง หญ้าฝรั่น และขมิ้น

 

รายการ แหล่งนำเข้าหลักของอินเดีย
พริกในตระกูลไปเปอร์ – 09041200 เวียดนาม ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร นครรัฐวาติกัน โอมาน
อบเชย – 0906 เวียดนาม ศรีลังกา อินโดนีเซีย จีน เนปาล
กานพลู – 090710 มาดากัสการ์ ศรีลังกา คอโมโรส แทนซาเนีย อินโดนีเซีย
ขิง หญ้าฝรั่น ขมิ้น – 0910 ไนจีเรีย อัฟกานิสถาน เนปาล สหรัฐอาหรัลเอมิเรสต์ กัมพูชา

ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 12 มูลค่า 478,202 เหรียญสหรัฐ (ณ ส.ค. 66)

นอกจากนี้ อินเดียยังมีการนำเข้าน้ำตาลคิดเป็นมูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าอินเดียเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากบราซิล แต่ในปี 2566 เนื่องจากฝนแล้งส่งผลให้ผลผลิตในประเทศอินเดียลดลงและจำเป็นต้องนำเข้าน้ำตาลในปริมาณมาก

 

ความเห็น สคต. ณ เมืองเจนไน

แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศเกษตรกรรมและเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก อย่างไรก็ดี ด้วยความเป็นประเทศขนาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก จึงทำให้มีความต้องการสินค้าเกษตร และอาหารปริมาณมากเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากร นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตสินค้าเกษตรของอินเดียในแต่ละฤดูกาลอาจมีความผันผวนตามสภาพภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตในบางฤดูกาลมีไม่เพียงพอ ประกอบกับเทคโนโลยีการเก็บรักษาสินค้าเกษตรของอินเดียที่ยังไม่ได้มาตรฐานทำให้ผลผลิตเน่าเสียมากกว่าครึ่งของปริมาณการผลิต ส่งผลให้อินเดียยังมีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าเกษตรในปริมาณมาก ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจส่งออกสินค้าเกษตรมายังอินเดีย สามารถศึกษาข้อมูลและขอใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA อาเซียน-อินเดีย ในการลดอัตราภาษีนำเข้าของอินเดียได้ เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันทางราคาในตลาดอินเดีย โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดการออกFORM AI ได้ที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ

นอกจากนี้ ในกรณีที่ส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าสด ผู้ประกอบการไทยควรให้ข้อมูลแก่ผู้นำเข้าอินเดียถึงวิธีการเก็บรักษาและดูแลสินค้าเพื่อให้สินค้าไทยที่ส่งออกและวางจำหน่ายในตลาดอินเดียคงความสด ใหม่ และยืดระยะเวลาให้สินค้าอยู่บนชั้นวางจำหน่ายได้นานยิ่งขึ้น

แหล่งที่มา:

  1. Financial Express – India’s food imports at $33 billion in 2023, down 10% on year – January 2, 2024.
zh_CNChinese