สำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนามในฟิลิปปินส์ (Commercail Office Of Vietnam In The Philippines) ระบุว่าในปัจจุบัน รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังพยายามลดการพึ่งพาข้าวเวียดนามอย่างมากโดยอยากให้เน้นการกระจายแหล่งผู้ส่งออกข้าวอื่นๆ ซึ่งได้ชี้แจ้งให้กับกระทรวง หน่วยงานกำกับที่ดูแล และภาคธุรกิจในเวียดนามแล้ว
นาย Phung Van Thanh ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนามในฟิลิปปินส์กล่าวว่า ฟิลิปปินส์มีการผลิตข้าว
แต่ผลผลิตข้าวในฟิลิปปินส์นั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับเกษตรกรและสภาพอากาศ โดยการผลิตในประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในฟิลิปปินส์มีปริมาณข้าวเปลือกประมาณ 19-20 ล้านตัน เทียบเท่ากับข้าวประมาณ 12 ล้านถึง 13 ล้านตัน ซึ่งข้อได้เปรียบของข้าวเวียดนามในตลาดฟิลิปปินส์คือผู้ประกอบการข้าวเวียดนามจำนวนมากมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจระยะยาวกับผู้นำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์ ทำให้มีความไว้วางใจระหว่างกัน ในขณะเดียวกัน ข้าวเวียดนามก็มีลักษณะที่ตรงตามความนิยมและ พฤติกรรมการบริโภค รวมถึงตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ ตั้งแต่ลูกค้าระดับล่าง และระดับกลางไปจนถึงระดับสูง รวมทั้งราคาข้าวเวียดนามอยู่ในระดับปานกลางทำให้ข้าวเวียดนามมีศักยภาพในการแข่งขันได้ นอกจากนี้ อุปทานข้าวเวียดนามมีเสถียรภาพทั้งในด้านราคาและปริมาณสามารถตอบสนองความต้องการนำเข้าประจำปีของฟิลิปปินส์ได้ ในขณะที่ลักษณะทางการภูมิศาสตร์มีความสะดวกในการขนส่งมายังฟิลิปปินส์ผ่านผ่านทางเรือ อีกทั้ง เวียดนามยังใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าทวิภาคีและพหุภาคีที่ทั้งสองฝ่ายมีร่วมกัน ในขณะที่พันธมิตรที่นอกอาเซียน เช่น อินเดีย และปากีสถาน ไม่มีข้อตกลงดังกล่าว
ปัจจุบันความต้องการนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์ยังอยู่ในระดับสูง คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.5-3.8 ล้านตันในปีนี้และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฟิลิปปินส์ยังเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของเวียดนามมาโดยตลอด เพื่อให้ข้าวเวียดนามยังคงรักษาส่วนแบ่งในตลาดฟิลิปปินส์ ผู้ประกอบการเวียดนามที่ส่งออกข้าวจำเป็นต้องมีการเตรียมการที่ดีและมีกลยุทธ์ในการแข่งขัน เช่น การลงทุนด้านภาพลักษณ์และชื่อเสียง และการขยายโอกาสหาคู่ค้าและผู้นำเข้ารายใหม่ โดยผู้ประกอบการข้าวของเวียดนามจำเป็นต้องร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (Ministry of Industry and Trade: MoIT) สถานทูตเวียดนามและสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนามในฟิลิปปินส์ในการดำเนินโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ข้าวเวียดนาม
นอกจากนี้ ข้าวเวียดนามจำเป็นต้องรักษาคุณภาพข้าว รวมถึงมีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพข้าวอย่างต่อเนื่องซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวของเวียดนามสู่ตลาดฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม MoIT จะพิจารณาในการส่งออกให้กับตลาดอื่นๆ ซึ่งจะประสานงานกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(จาก https://en.vietnamplus.vn/)
ข้อคิดเห็น สคต
เนื่องจากประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ โดยเฉพาะการห้ามส่งออกข้าวของอินเดียทำให้ฟิลิปปินส์ให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหารมากขึ้น รวมถึงการนำเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ
ในไตรมาสแรกของปี 2567 ฟิลิปปินส์มีบริษัททั้งหมด 109 บริษัท ที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจากกรมพืช – กระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ (Department of Agriculture: DA) โดยนำเข้าจาก เวียดนาม ไทย ปากีสถาน เมียนมา กัมพูชา และ ญี่ปุ่น
ในไตรมาสแรกของปี 2567 ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวทั้งหมดอยู่ที่ 886,963 ตัน โดยมีข้าวที่นำเข้าจากเวียดนามอยู่ที่ 493,962 ตัน ลดลงร้อยละ 55.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี นอกจากนั้นฟิลิปปินส์มีการนำเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ข้าวไทยอยู่ที่ 230,559 ตัน คิดเป็นร้อยละ 26 และข้าวปากีสถานอยู่ที่ 109,803 คิดเป็นร้อยละ 12.4 นอกจากนั้น ฟิลิปปินส์ก็ยังนำเข้าข้าวจาก เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อินเดียและอิตาลี ในจำนวนที่น้อย ซึ่งส่วนแบ่งของข้าวเวียดนามในตลาดฟิลิปปินส์ลดลง อย่างไรก็ตาม การที่ฟิลิปปินส์มองหาผู้ผลิตข้าวที่หลากหลายมากขึ้นจะทำให้ข้าวเวียดนามมีการแข่งขันสูงในตลาดข้าวฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของข้าวไทยที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในฟิลิปปินส์