หลังจากที่มีการเจรจาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลมานานกว่าหลายเดือน ในที่สุดรัฐบาลเยอรมนีก็ได้ข้อสรุป “แผนปฏิรูปท่าเรือระดับประเทศ” ในที่สุด โดยตั้งเป้าว่า ในอนาคตท่าเรือต่าง ๆ ของเยอรมนีควรจะเป็นจุดถ่ายเทพลังงานทางเลือกต่อไป นอกจากนี้รัฐบาลฯ ต้องการที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือให้มากขึ้น โดยหันมาให้ความสนใจกับการสร้างความปลอดภัยให้ท่าเรือมากขึ้น และปรับท่าเรือของประเทศเข้าระบบดิจิตอลให้เร็วที่สุด ซึ่งจากข้อมูลที่หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ได้มานั้น ยังไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบถึงประเด็นที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ ว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และในแผนการปฏิรูปนี้ก็ไม่ได้แสดงว่าจะแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างใด โดยนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้มีความชัดเจนแล้วว่า หากจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จจะต้องมีเงินทุนจำนวนมหาศาลมารองรับ ซึ่งหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ได้รายงานต่ออีกว่า ขณะนี้เป็นหน้าที่ของคณะทำงานที่รัฐบาลกลางเยอรมันตั้งขึ้น ควรที่จะต้องออกมาชี้แจงและตอบคำถามนี้ได้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าภาคอุตสาหกรรมและฝ่ายค้านได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นดังกล่าวอย่างหนัก ด้านนาย Volker Wissing รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสังกัดพรรคเพื่ออิสรภาพและประชาธิปไตย (FDP – Freie Demokratische Partei) เปิดเผยว่า “ด้วยมาตรการจำนวน 139 ข้อ จะทำให้เราแน่ใจได้ว่า ท่าเรือของเราจะมีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน และปรับตัวเข้าสู่ระบบดิจิทัลได้เร็วที่สุด” โดยกระทรวงคมนาคมเป็นกระทรวงที่พรรค FDP เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ซึ่งหลังจากผ่านการอนุมัติในระดับคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว นาย Wissing กล่าวว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องคุยเรื่องการจัดสรรงบประมาณ แต่เรื่องที่สำคัญที่ต้องหารือในเวลานี้มากกว่าก็คือ การขับเคลื่อนการปฏิรูปท่าเรือให้พัฒนาอย่างเร็วที่สุดมากกว่า

 

ปัจจุบัน 60% ของการนำเข้า – ส่งออกของประเทศดำเนินการผ่านการขนส่งทางเรือ ท่าเรือจึงมีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับการขนถ่ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้พลังงานของประเทศอีกด้วย โดยนาย Dieter Janecek ผู้ประสานงานด้านนโยบายการเดินสมุทรของรัฐบาลกลางสังกัดพรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว (Bündnis 90/Die Grünen) กล่าวว่า “หากไม่มีการขยายท่าเรือ การเปลี่ยนแปลงด้านการใช้พลังงานในเยอรมนีคงจะดำเนินต่อไปไม่ได้ การลดการผลิตค่าคาร์บอน (Decarbonization) ของภาคเอกชนจะประสบความสำเร็จผ่านการปรับเปลี่ยนการใช้แหล่งพลังงานใหม่ผ่านท่าเรือเท่านั้น” โดยหลักการแล้วการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับปฏิรูปท่าเรือนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้รัฐบาลกลางได้เตรียมเงินงบประมาณพิเศษเพื่อสนับสนุนด้านการปรับสมดุลของภาระทางการเงินของท่าเรือต่าง ๆ ไว้ถึงปีละ 38 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามรัฐที่มีภูมิภาคติดกับชายฝั่งทะเลได้เรียกร้องขอเงินด้านการปรับสมดุลมากกว่าตัวเลขที่ตั้งไว้ถึง 10 เท่า โดยกระทรวงเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สภาวะอากาศ (Grünen) ออกมาสนับสนุนแนวทางการปฏิบัติที่รัฐติดทะเลร้องขอ ในขณะที่กระทรวงคมนาคม (FDP) และกระทรวงการคลัง (FDP) ไม่ต้องการที่จะให้รัฐบาลกลางสนับสนุนด้านงบประมาณมากกว่านี้ ท้ายที่สุดวิกฤติงบประมาณของประเทศที่ศาลรัฐธรรมนูลออกมาสั่งให้ระงับใช้เงินช่วยเหลือเศรษฐกิจในวิกฤติโคโรน่าต่อนำไปสู่การระงับการสนับสนุนมากกว่าที่ตั้งไว้ในที่สุด แต่ปัญหาในปัจจุบันอยู่ที่ไหนนั้น สามารถดูได้จากตัวอย่างท่าเรือ Cuxhaven โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขยายท่าเรือดังกล่าว จนถึงปัจจุบันท่าเรือ Cuxhaven เป็นท่าเรือเยอรมันแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตามแผนที่อนุมัติ (Planfeststellungsbeschluss) ด้านโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ทั้งนี้ ท่าเรือแห่งนี้ต้องการที่จะสร้างท่าเทียบเรือแห่งใหม่เพื่อให้สามารถรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักสูงได้ อย่างเช่นส่วนประกอบของกังหันลมที่มีน้ำหนักหลายตัน โดยเพื่อให้สามารถดำเนินการตามนโยบายการเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงาน (Energiewende หมายถึง “นโยบายการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในเยอรมนี ที่อธิบายถึงความพยายามที่จะเปลี่ยนระบบการใช้พลังงานฟอสซิล-นิวเคลียร์ที่มีอยู่ ให้เป็นระบบพลังงานที่ยั่งยืนผ่านพลังงานหมุนเวียน”) ท่าเรือเยอรมันยังขาดพื้นที่ในการรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักสูงอีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลกลาง ใบอนุญาตให้ดำเนินการตามแผนที่อนุมัติ (Planfeststellungsbeschluss) ซึ่งเป็นใบอนุญาตที่รวมเอกสารของทุก ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหมดอายุในต้นปี 2025 แต่ก่อนที่จะสามารถก่อสร้างได้จะต้อง ประกวดราคาก่อน ตามแวดวงภาครัฐอย่างช้าที่สุดปัญหาด้านการจัดสรรเงินทุนจะต้องสิ้นสุดอย่างช้าสุดภายในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่จนแล้วจนรอดการอภิปรายเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการท่าเรือ Cuxhaven ยังไม่มีแนวโน้มที่จะแล้วเสร็จ และยังมองไม่เห็นทางออกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเวลาอันไกล้แต่อย่างใด

 

ฝ่ายค้านได้ออกมาวิจารณ์แผนดังกล่าวของรัฐบาลอย่างหนัก โดยนาย Christoph Ploß โฆษกด้านนโยบายท่าเรือของกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกลุ่ม Union หรือกลุ่มสหภาพ ประกอบด้วยพรรค CDU – Christlich Demokratische Union Deutschlands (พรรคสหภาพคริสต์เตียนเพื่อประชาธิปไตยประเทศเยอรมนี) และพรรค CSU – Christlich-Soziale Union in Bayern (พรรคสหภาพสังคมนิยมคริสต์เตียนแห่งนครรัฐบาวาเลีย) กล่าวว่า “รัฐบาลไม่ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนทางการเงินเพียงพอเทียบเท่ากับความสำคัญเชิงเศรษฐกิจของท่าเรือ นอกจากนี้ รัฐบาลก็ไม่มีมาตรการเร่งด่วนใด ๆ เพื่อใช้ผลักดันการวางแผนและการก่อสร้างให้ดำเนินการรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เราไม่เห็นเรื่องเหล่านี้ในเอกสารดังกล่าวของรัฐบาลแม้แต่ข้อเดียว” นาย Ploß กล่าวเสริมว่า “คำพูดสวยหรูเพียงอย่างเดียวไม่มีทางที่จะปฏิรูปท่าเรือได้” ตัวแทนภาคธุรกิจเองก็ออกมาให้รัฐบาลเร่งแจ้งปัจจัยด้านการเงินอย่างรวดเร็ว” โดยมีการแถลงการณ์ร่วมจาก สมาคมพลังงานลมบนบกและนอกชายฝั่ง มูลนิธิพลังงานลมนอกชายฝั่ง และ Clusters กลุ่มพลังงานทดแทนแห่งรัฐ Hamburg ว่า รัฐบาลกลางเยอรมันต้อง “สร้างพื้นฐานทางการเงินที่สอดคล้อง และมั่นคงอย่างรวดเร็วให้กับสำหรับกลยุทธ์ท่าเรือ”

 

ในกลยุทธ์ใหม่นี้ รัฐบาลได้จัดท่าเรือต่าง ๆ ให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญของประเทศอีกด้วย นั้นหมายความว่า ในอนาคตการเข้ามาลงทุนโดยนักลงทุนต่างชาติสามารถถูกตรวจสอบได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยในเอกสารระบุว่า “เมื่อพูดถึงการลงทุน และการลงทุนจากประเทศที่สาม ไม่เพียงแต่จะต้องตรวจสอบผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติ และผลประโยชน์ของรัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดภายในสหภาพยุโรปด้วยว่ามีจุดประสงค์เพื่อรักษาระดับความสำคัญในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือในยุโรปไว้ต่อไปด้วย” โดยการเพิ่มความเข้มงวดนี้เกิดขึ้นจากประเด็นเกี่ยวกับการวิจารณ์การมีส่วนร่วมของนักลงทุนจีนในท่าเรือยุโรป โดยในปี 2023 รัฐบาลเยอรมันได้อนุมัติให้บริษัท Cosco บริษัทขนส่งสินค้าของรัฐบาลจีนเข้ามาเป็นบริษัทที่ดำเนินงานหนึ่งในท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์ 4 แห่ง ในท่าเรือเมือง Hamburg อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการครองสิทธิ์ของ Cosco ถูกจำกัดให้น้อยกว่า 25% เพื่อรักษาความปลอดภัยไว้ให้ท่าเรือในฐานะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญของประเทศต่อไป

 

จาก Handelsblatt 3 พฤษภาคม 2567

zh_CNChinese