Mr. Masih Keshavarz เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายข้าวอิหร่าน (The Iranian Rice Exporters Supplier and Importers Association) เปิดเผยถึงการนำเข้าข้าวในปีปัจจุบันว่า นักธุรกิจอิหร่านต้องเร่งนำเข้าข้าวให้ได้ปริมาณ 3 แสนตัน ก่อนถึงฤดูกาลห้ามนำเข้าข้าวที่จะเริ่มในเร็ววันนี้ ซึ่งหากดำเนินการไม่ทันจะส่งผลให้เกิดความผันผวนต่อปริมาณความต้องการข้าวในประเทศ รวมถึงราคาข้าวที่อาจขยับตัวสูงขึ้นเหมือนปี 2022 ที่ผ่านมา
ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน (21 มี.ค.- 20 พ.ค. 2567) อิหร่านนำเข้าข้าวแล้วปริมาณ 2 แสนตัน ซึ่งทางสมาคมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายข้าวอิหร่าน ได้เสนอให้มีการนำเข้าข้าวในปริมาณ 6-8 แสนตัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการข้าวในช่วงเทศกาลมูฮัรรัมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลที่มีความต้องการข้าวสูง และเพื่อให้ทันก่อนเข้าช่วงระยะเวลาที่รัฐบาลห้ามนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวภายในประเทศ ซึ่ง ณ ปัจจุบันปริมาณข้าวที่นำเข้ามาจริงในประเทศเป็นเพียงจำนวนหนึ่งในสี่ของปริมาณข้าวที่สมาคมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายข้าวอิหร่านได้เสนอให้มีการนำเข้า เป็นที่น่าวิตกว่าหากทางรัฐบาลไม่สามารถนำเข้าข้าวได้อีกจำนวน 3 แสนตัน ให้ทันก่อนเข้าฤดูกาลห้ามนำเข้าข้าวแล้ว จะทำให้เกิดความขาดแคลนข้าวในตลาดและราคาข้าวจะเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ Mr. Masih Keshavarz เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายข้าวอิหร่านให้ความเห็นว่า ข้าวนำเข้าปริมาณ 3 แสนตันนี้ จะสามารถสนองความต้องการข้าวของประเทศได้เพียง 1 ใน 3 ส่วนของความต้องการข้าวเท่านั้น ซึ่งปริมาณดังกล่าวสามารถบริโภคได้ในช่วงที่ยังไม่พ้นช่วงฤดูกาลห้ามนำเข้าข้าว (เริ่ม 22 ก.ค. – 20 พ.ย.67) ซึ่งอาจเกิดความผันผวนในตลาดข้าว และราคาข้าวนำเข้าอาจขยับตัวสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านๆ มา จะเห็นได้ว่าปริมาณการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมีส่วนช่วยในการควบคุมปริมาณความต้องการของตลาดข้าวในอิหร่านได้ รวมทั้งรัฐบาลยังสามารถนำข้าวที่เก็บไว้ในสต็อกออกมาใช้ในช่วงของต้นปีงบประมาณอิหร่านถัดไปได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ตรงกับเทศกาลปีใหม่อิหร่าน ซึ่งจะเป็นช่วงมีความต้องการข้าวในประเทศสูง คือช่วงประมาณเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมของทุกๆปี โดยปริมาณการนำเข้าข้าวในปีที่ผ่านมา 2023 ของภาคเอกชนอิหร่านมีจำนวน 1 ล้านตัน และได้นำออกมาบริโภคในช่วงต้นปีงบประมาณปัจจุบัน (เดือนเมษายนและพฤษภาคม 2024) ซึ่งเป็นช่วงที่ตรงกับเทศกาลถือศีลอด และเทศกาลปีใหม่อิหร่านพอดี ซึ่งในกรณีที่การนำเข้าข้าวในปีปัจจุบันดำเนินการล่าช้าออกไป และไม่สามารถนำเข้าข้าวให้ทันก่อนการเข้าสู่ฤดูกาลห้ามนำเข้า จะนำไปสู่ภาวะการขาดแคลนข้าวในตลาด การไม่สามารถขนถ่ายข้าวออกจากศุลกากรได้ทันเวลา รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามมา เช่น ค่าเสื่อมเสียของสินค้า ค่าเช่าโกดังสินค้า ส่งผลให้ราคาต้นทุนเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งจะกระทบต่อความสมดุลของตลาดข้าวภายในประเทศ อุปสงค์ความต้องการข้าว รวมถึงราคาข้าวในตลาดตามมา
ทั้งนี้จากสถิติการนำเข้าข้าวของอิหร่านในช่วง 3 ปีที่ผ่านม พบว่า ในปี 2021 อิหร่านนำเข้าข้าวจำนวน 850,000 ตัน ปี 2022 นำเข้าข้าวจำนวน 1.8 ล้านตัน และในปี 2023 นำเข้าข้าวจำนวน 1 ล้านตัน ซึ่งหากวิเคราะห์การนำเข้าข้าวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า รัฐบาลอิหร่านสามารถเข้าควบคุมราคาข้าวในตลาดที่ขยับตัวสูงได้ในปี 2022 ให้คงที่และผันผวนน้อยลงได้ เนื่องจากการอนุญาตให้นำเข้าข้าวจากต่างประเทศในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น
อนึ่ง ราคาข้าวนำเข้าเมื่อเทียบกับข้าวที่ผลิตได้ในประเทศมีราคาค่อนข้างถูกกว่า กอปรกับกำลังซื้อที่ไม่สูงมากของผู้บริโภคส่วนใหญ่ และประชากรที่อาศัยอยู่ทางจังหวัดชายแดนที่นิยมบริโภคข้าวนำเข้ามากกว่า
จากการสำรวจตลาดพบว่า ราคาเฉลี่ยของข้าวอินเดียในร้านขายส่งราคากิโลกรัมละ 460,000 เรียล และข้าวปากีสถานราคาอยู่ที่ 520,000 ถึง 530,000 เรียล ซึ่งตามปกติพ่อค้าขายปลีกจะบวกกำไรเพิ่มอีกร้อยละ 30-40 จากราคาขายส่ง ซึ่งข้าวอินเดียในร้านค้าปลีกเมื่อมาถึงมือผู้บริโภคจะขายในราคากิโลกรัมละ 500,000 เรียล และข้าวปากีสถานขายในราคา 600,000 เรียล