(ภาพและแหล่งที่มา https://mp.weixin.qq.com/s/tqUfbQymsmrVzp4evQbxZw)
TEMU แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนภายใต้ Pinduoduo กำลังเร่งขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยล่าสุดได้เปิดตัวที่เวียดนามและบรูไน โดยเริ่มบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วได้เข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์เป็นประเทศแรก ตามมาด้วยมาเลเซียในเดือนกันยายน และไทยในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ปัจจุบันขยายธุรกิจไปแล้ว 5 ประเทศในภูมิภาค โดยยังเหลือตลาดสำคัญอย่างอินโดนีเซียและสิงคโปร์ที่ยังไม่ได้เข้าไป อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดเวียดนามของ TEMU ยังไม่น่าจะสดใส จากรายงานยอดขายแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเวียดนามไตรมาส 2 ปี 2024 โดย You Net ECI พบว่า Shopee, TikTok Shop และ Lazada มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 71.4, 22 และ 5.9 ตามลำดับ โดยทั้งหมดใช้กลยุทธ์การแข่งขันด้านราคาต่ำ
นักวิเคราะห์ Xiao Danyun จาก Equal Ocean ให้ความเห็นว่า ความสำเร็จของกลยุทธ์ราคาต่ำไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขายถูกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือในหลายด้าน ทั้งโลจิสติกส์ บริการ การปฏิบัติตามนโยบาย และการดำเนินงานในท้องถิ่น อาทิ Shopee และ Lazada ประสบความสำเร็จไม่เพียงเพราะสินค้าราคาถูก แต่เป็นเพราะความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างรวดเร็ว การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ และการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน TEMU จึงจำเป็นต้องพัฒนาในด้านเหล่านี้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมตลาดในภูมิภาคนี้
ในการเปิดตัวครั้งแรกในเวียดนาม TEMU ยังคงใช้กลยุทธ์ราคาต่ำและนโยบายส่งเสริมการขายเช่นเดิม เช่น บริการคืนสินค้าฟรี 90 วัน และส่วนลดสูงถึงร้อยละ 90 สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นลดราคาเมื่อซื้อครบตามยอดที่กำหนด TEMU ใช้โมเดลการจัดการแบบเต็มรูปแบบในตลาดเวียดนาม โดยผู้ขายไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบริการหรือค่าคอมมิชชั่น แต่แพลตฟอร์มจะบวกราคาเพิ่มจากราคาที่ผู้ขายเสนอ โมเดลนี้ใช้ในทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนโมเดลการจัดการแบบครึ่งหนึ่งมีเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และยุโรปเท่านั้น ในโมเดลการจัดการแบบเต็มรูปแบบ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจะรับผิดชอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การดำเนินงานร้านค้า การจัดเก็บสินค้า การจัดส่ง และการบริการหลังการขาย ผู้ขายเพียงแค่จัดหาสินค้าเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าขนาดเล็กที่มีราคาคุ้มค่า เช่น อุปกรณ์เสริม 3C และเสื้อผ้าแฟชั่น
ปัจจุบัน เวอร์ชันแรกของเว็บไซต์เวียดนามค่อนข้างพื้นฐาน รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น และมีบริษัทขนส่งเพียงสองแห่ง (Ninja Van และ Best Express) อย่างไรก็ตาม ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนติดกับจีน ระยะเวลาการจัดส่งไปยังเวียดนามลดลงเหลือ 4-7 วัน เร็วกว่าการจัดส่งไปมาเลเซียและฟิลิปปินส์ที่ใช้เวลา 5-20 วัน แม้ TEMU จะประสบความสำเร็จเบื้องต้นในตลาดโลก โดยมียอดดาวน์โหลดทั่วโลกมากกว่า 735 ล้านครั้ง และมีผู้เข้าชมรายเดือนมากกว่า 500 ล้านครั้งในไตรมาสแรกของปี 2024 แต่การขยายตัวในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นความท้าทาย
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความสำเร็จของ Pinduoduo ในจีนส่วนใหญ่มาจากกลยุทธ์การตลาดผ่านโซเชียลมีเดียและการนำทางการไหลของทราฟฟิก แต่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้บริโภคมีความชอบช่องทางการช้อปปิ้งที่ค่อนข้างคงที่แล้ว และพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียก็แตกต่างจากตลาดอเมริกาเหนืออย่างมาก ตัวอย่างเช่น TikTok มีอิทธิพลอย่างมากในภูมิภาคนี้ แต่ Pinduoduo ยังไม่ได้ลงทุนมากพอในด้านนี้ ทำให้ประสิทธิภาพการเติบโตแบบไวรัลลดลง นอกจากนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังค่อนข้างกระจัดกระจาย พฤติกรรมการบริโภคออนไลน์ยังไม่เติบโตเต็มที่ อัตราการเข้าถึงอีคอมเมิร์ซยังต่ำ และการซื้อสินค้าออฟไลน์ยังคงเป็นช่องทางหลัก ขณะเดียวกัน นโยบายคุ้มครอง SMEs ท้องถิ่นของแต่ละประเทศก็เป็นข้อจำกัดสำหรับแพลตฟอร์มต่างชาติอย่าง TEMU
ยิ่งไปกว่านั้น หลายประเทศในภูมิภาคกำลังปรับนโยบาย “การยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำ” ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนที่เน้นการส่งพัสดุขนาดเล็ก เช่น TEMU, AliExpress, TikTok Shop และ SHEIN โดยมาเลเซียและไทยได้เริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำแล้ว ส่วนเวียดนามก็มีแผนจะยกเลิกการยกเว้นภาษีสำหรับพัสดุขนาดเล็กที่นำเข้าเช่นกัน ด้วยความแตกต่างของสภาพแวดล้อมทางนโยบายระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับตลาดจีน TEMU และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนอื่น ๆ จึงไม่สามารถนำประสบการณ์จากจีนหรือกลยุทธ์ราคาต่ำที่ประสบความสำเร็จ ในตลาดยุโรปและอเมริกามาใช้โดยตรงในภูมิภาคนี้ได้ พวกเขาจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการ และพฤติกรรมของผู้บริโภคในท้องถิ่น รวมถึงเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายใหญ่ที่มีอยู่แล้วในตลาด
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
การขยายตัวของ TEMU และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทย ด้วยตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ไทยสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซท้องถิ่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยโดยเฉพาะ เน้นการใช้งานง่าย รองรับภาษาไทย และวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อแข่งขันกับบริการจัดส่งของแพลตฟอร์มต่างชาติ การส่งเสริม SMEs ไทยให้ผลิตสินค้าคุณภาพดี ราคาแข่งขันได้ ก็เป็นอีกโอกาสสำคัญ รวมถึงการพัฒนาระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและสะดวก และบริการด้านการตลาดดิจิทัลที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคไทย ทั้งนี้ การพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการไทยก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดออนไลน์ โอกาสเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซของไทย และรับมือกับการแข่งขันจากแพลตฟอร์มต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
————————————————–
驻成都国际贸易促进办公室
ตุลาคม 2567
แหล่งข้อมูล :
https://mp.weixin.qq.com/s/tqUfbQymsmrVzp4evQbxZw