ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ 2.0 บททดสอบใหม่ของมหาอำนาจโลก

ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ 2.0 บททดสอบใหม่ของมหาอำนาจโลก

(ภาพและแหล่งที่มา https://mp.weixin.qq.com/s/gRCtA8V9p4H21Xn9-6quzA)

โลกกำลังจับตามองความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐอเมริกา ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่สอง ท่ามกลางบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา การกลับมาของทรัมป์ครั้งนี้จะนำพาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไปในทิศทางใด และจะส่งผลกระทบต่อระเบียบโลกอย่างไร

จีนกับการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

ในขณะที่สหรัฐอเมริกายังคงรูปแบบการดำเนินนโยบายแบบเดิม จีนได้พัฒนาแบบก้าวกระโดดในหลายด้าน โดยเฉพาะความสำเร็จของโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ที่ขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนออกไปทั่วโลก นอกจากนี้ จีนยังมีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ความก้าวหน้าของจีนสะท้อนให้เห็นผ่านความสำเร็จของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างหัวเว่ย ที่สามารถพัฒนาทั้งด้านแอพพลิเคชันและการผลิตชิป จนสามารถแข่งขันกับบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเทสลาและแอปเปิลต้องร่วงลงอย่างหนักในช่วงต้นปี เนื่องจากแรงกดดันจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น

 

สงครามการค้า อาวุธเก่าในสนามรบใหม่

ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการกีดกันทางการค้าเป็นเครื่องมือหลักในการกดดันจีนเช่นเดิม           แต่ประสบการณ์ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า วิธีการนี้อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร ในทางตรงกันข้าม ยิ่งจีนถูกกดดันมากเท่าไร ก็ยิ่งพัฒนาความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น จีนได้พัฒนามาตรการตอบโต้ที่แม่นยำและ        มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่ห่วงโซ่อุปทานแทนการตอบโต้แบบตาต่อตา วิธีการนี้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการที่รุนแรงเกินความจำเป็น

 

ข้อจำกัดด้านเวลาและความท้าทายทางการเมือง

แม้ทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง แต่ระยะเวลาที่เขาจะสามารถดำเนินนโยบายได้อย่างเต็มที่อาจมีเพียง 2 ปี หรือในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจเหลือเพียง 100 วัน เนื่องจากพรรคเดโมแครตยังคงมีฐานทรัพยากรทางการเมืองและการสนับสนุนจากประชาชนอย่างมาก หากพรรครีพับลิกันพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอม สภาผู้แทนราษฎรที่ควบคุมโดยพรรคเดโมแครตอาจเริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ขาดความต่อเนื่องและประสิทธิภาพ

 

ความท้าทายในการบริหารความสัมพันธ์

ความท้าทายสำคัญสำหรับจีนในยุคทรัมป์ 2.0 คือการรับมือกับรูปแบบการตัดสินใจที่ไม่แน่นอนและไม่เป็นระบบของทรัมป์ ที่มักตัดสินใจด้วยตนเองในทุกเรื่องโดยไม่ไว้ใจทีมงาน ทำให้การสื่อสารระหว่างทีมการทูตของทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างยากลำบาก ในขณะที่ฝ่ายจีนมีการตัดสินใจที่เป็นเอกภาพภายใต้การนำของผู้นำระดับสูง การขาดความแน่นอนในนโยบายของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น นี่จึงเป็นความท้าทายสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

 

กลยุทธ์การรับมือของจีน

ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแนะนำว่า จีนควรใช้กลยุทธ์ “ความนิ่งเอาชนะความเคลื่อนไหว” ในการรับมือกับการโจมตีที่ไร้ทิศทางของทรัมป์ โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไปกับสงครามภาษี      ซึ่งอาจเป็นประเด็นในช่วงครึ่งหลังของปีเท่านั้น และอาจไม่ได้มุ่งเป้าเฉพาะจีน นอกจากนี้ หากสหรัฐฯ เลือกที่จะถอนตัวจากองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ จีนก็สามารถฉวยโอกาสนี้ในการเพิ่มบทบาทนำในเวทีโลก       เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก

 

ผลกระทบต่อมิติทางสังคมและวัฒนธรรม การเปลี่ยนแปลงของแนวคิด DEI

การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงมิติทางเศรษฐกิจและการเมืองเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแนวคิดและอุดมการณ์ที่สำคัญของสังคมอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่อง DEI (Diversity, Equity, and Inclusion) หรือความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม

บทสรุปและมุมมองต่ออนาคต

ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ 2.0 จะเป็นบททดสอบสำคัญของทั้งสองประเทศในการรักษาสมดุลระหว่างการแข่งขันและความร่วมมือ ในขณะที่จีนมีความแข็งแกร่งมากขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี สหรัฐฯ ก็ยังคงรักษาความเป็นมหาอำนาจระดับโลก

ความท้าทายสำคัญคือการหาจุดสมดุลระหว่างผลประโยชน์แห่งชาติและความรับผิดชอบต่อ  ประชาคมโลก โดยเฉพาะในประเด็นที่ต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศการต่อต้านการก่อการร้าย และการรับมือกับวิกฤตด้านสาธารณสุข

ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องพัฒนากลไกการสื่อสารและการจัดการความขัดแย้งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัวจนกลายเป็นวิกฤตที่ควบคุมไม่ได้ การรักษาสมดุลนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดทิศทางของระเบียบโลกในทศวรรษหน้า

ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู

โอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยในยุคความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในยุคทรัมป์ 2.0 กำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของเอเชีย ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นการที่จีนมีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยีและการผลิต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริม ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญและมีฐานการผลิตที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน การที่จีนใช้กลยุทธ์มุ่งเป้าที่ห่วงโซ่อุปทานในการตอบโต้มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ไทยมีโอกาสเป็น “ฐานการผลิตทางเลือก” สำหรับบริษัทที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ผู้ประกอบการไทยควรพัฒนามาตรฐานการผลิตและระบบการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก เพื่อดึงดูดการลงทุนและความร่วมมือจากบริษัทข้ามชาติ

โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการคมนาคมและโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงถึงกัน ธุรกิจโลจิสติกส์ การขนส่ง และการกระจายสินค้าของไทยควรเร่งพัฒนาศักยภาพและขยายเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาค เพื่อรองรับการเติบโตของการค้าระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้น

ด้านการส่งออก ผู้ประกอบการไทยควรใช้ประโยชน์จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการที่สามารถทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า ขณะเดียวกันก็ควรรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน     ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการของไทยมีโอกาสได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมการท่องเที่ยวแบบอิสระและมีกำลังซื้อสูงขึ้น ผู้ประกอบการควรพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าคุณภาพ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำการตลาดและให้บริการ

ในด้านเทคโนโลยี ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาและพัฒนาความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีจีนที่มีความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น AI, IoT, หรือ 5G เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาด

 

————————————————–

 

驻成都国际贸易促进办公室

มกราคม 2568

แหล่งข้อมูล :

https://cn.chinausfocus.com/foreignpolicy/20250102/4538.htm

https://www.szhgh.com/Article/opinion/xuezhe/2025-01-08/367642.html

zh_CNChinese