- ก่อนการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำว่า จีนจะไม่แทรกแซงเส้นทางการพัฒนาของกัมพูชา พร้อมยืนยันการสนับสนุนอย่างแน่วแน่ต่อการปกป้องอธิปไตย เอกราช บูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนบทบาทของกัมพูชาบนเวทีโลก
- ตามคำเชิญของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 17–18 เมษายน 2025 ซึ่งถือเป็นจุดหมายสุดท้ายของภารกิจเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายหลังการเยือนเวียดนามและมาเลเซีย การเยือนครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างจีนและกัมพูชาในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การเมือง ความมั่นคง และเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นการเดินหน้าสู่การสร้าง “ประชาคมจีน–กัมพูชาที่มีอนาคตร่วมกัน” ในยุคใหม่
- ตลอดการเยือน จีนและกัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือรวมทั้งสิ้น 37 ฉบับ ครอบคลุมหลากหลายด้านสำคัญ เช่น ความมั่นคงระดับโลก การศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ห่วงโซ่อุปทาน การพัฒนาระบบศุลกากร โทรคมนาคม สาธารณสุข การท่องเที่ยว และสื่อ โดยมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และสมเด็จฮุน มาเนต เป็นสักขีพยาน นอกจากนี้ ยังมีการลงนามข้อตกลงระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคธุรกิจ โดยโครงการสำคัญที่ได้ลงนาม ได้แก่ โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ “คลองฟูนันเตโช” การก่อสร้างโรงไฟฟ้า LPG ขนาด 900 เมกะวัตต์ที่จังหวัดเกาะกง และโครงการความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ด้านระบบราง
ความเห็นของสำนักงานฯ
- กัมพูชากำลังเผชิญกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ สูงสุดในอาเซียน และติดอันดับต้นของโลกที่ร้อยละ 49 แม้ทรัมป์จะสั่งระงับชั่วคราว 90 วัน เหลือร้อยละ 10 แต่ผลกระทบก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสหรัฐฯ คือคู่ค้าส่งออกรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ขณะเดียวกัน สงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความตึงเครียด โดย เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็นร้อยละ 145 ส่วนจีนตอบโต้ด้วยอัตราภาษีสินค้าสหรัฐฯ ที่ร้อยละ 125
- แม้การเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและกัมพูชาในหลากหลายมิติ ซึ่งนับเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว แต่ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงยืดเยื้อ โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์เตือนว่า “จีนจะตอบโต้ทุกประเทศที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ ในลักษณะที่กระทบต่อผลประโยชน์ของจีน”
สถานการณ์นี้อาจส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจกัมพูชา เนื่องจากประเทศยังคงพึ่งพาความสัมพันธ์ทางการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจอย่างเลี่ยงไม่ได้ และต้องเผชิญความท้าทายในการรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์โลก
ที่มา: Page: Samdech Thipadei Hun Manet, Prime Minister of Cambodia & Khmer Times
เมษายน 2025